Content นี้จะนำเสนอเกี่ยวกับเกร็ดการแต่งโซโล่ด้วยแนวคิดดนตรีแจ๊สนะครับ ซึ่งเชื่อว่าสามารถนำไปประยุกต์ปรับใช้กับดนตรีร่วมสมัยแนวต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี
โดยสำหรับโพสต์แรก จะขอพูดถึงวิธีการหลัก ๆ ที่นักดนตรีแจ๊สใช้สร้างสรรค์แนวทำนอง Improvisationในเพลงแจ๊สต่าง ๆ นะครับ
*** เสริมความคำว่า Improvisation เล็กน้อย ***
Improvisation ในบริบททั่วไป มักถูกเข้าใจว่าเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงโซโล่ของนักดนตรี
แต่อันที่จริงแล้ว Improvisation ในดนตรีแจ๊สนั้นเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาตั้งแต่เริ่มเพลงจนจบ ไม่ใช่เฉพาะตอนโซโล่เท่านั้น โดยนักดนตรีจะสื่อสารต่อกันอย่างอิสระด้วยเสียงทํานองและท่าทางเพื่อสร้างสรรค์เสียงที่ดีที่สุดร่วมกัน
แต่อย่างไรก็ตาม ใน Content นี่จะพูดถึง Improvisation ตามที่คนส่วนใหญ่เข้าใจ นั่นก็คือการโซโล่นะครับ
วิธีการสร้างสรรค์แนวทํานอง Improvisation ในดนตรีแจ๊สมีวิธีการหลัก ๆ อยู่ 3 วิธี (*อ้างอิงการเขียนคําจํากัดความของแต่ละวิธีการจากหนังสือ Comprehensive Technique for Jazz Musicians โดย Bert Ligon) ได้แก่
I. Paraphrase the Melody
II. Improvise on the Harmony
III. Motivic Development Devices
I. Paraphrase the Melody
Paraphrase the Melody คือ การถอดทํานองหลักของบทเพลงมาประยุกต์สร้างสรรค์ Improvisation ซึ่งการถอดทํานองหลักมาสร้างสรรค์นี้ เมื่อดูรายละเอียดปลีกย่อยก็จะมีสิ่งเหล่านี้
- การเพิ่มบางอย่างเข้าไปในทำนองหลัก
- การเปลี่ยนแปลงรูปจังหวะของทำนองหลัก
- การประดับหรือตกแต่งรูปโครง
II. Improvise on the Harmony
Improvise on the Harmony คือ การสร้างสรรค์ Improvisation บนทํานองเสียงประสานหรือก็คือบนคอร์ดแต่ละคอร์ดที่กําลังดําเนินอยู่บนบทเพลงนั่นเอง ซึ่งเมื่อดูรายละเอียดปลีกย่อยก็จะมีสิ่งเหล่านี้
- Harmonic Generalization
การคํานึงเสียงประสานแบบโดยรวม ไม่ต้องจํากัดการคิดการดําเนินคอร์ดตามต้นฉบับของบทเพลงตลอดเวลา การเลือกใช้โน้ตจึงสามารถเลือกใช้โน้ตอื่น ๆ
ที่ไม่อยู่ในเสียงประสานของคอร์ดได้ในบางคอร์ดเพื่อสร้างแนวทํานองที่เชื่อมสู่คอร์ดต่อไป ซึ่งเป็นการมองภาพรวม - Harmonic Specificity
การคํานึงเสียงประสานแบบตรงตัว คิดการดําเนินคอร์ดตามต้นฉบับของบทเพลง ที่กําลังบรรเลงโดยไม่เปลี่ยนแปลง การเลือกใช้โน้ตจึงเน้นเลือกใช้โน้ตที่อยู่ในคอร์ดนั้น ๆ โดยเฉพาะในจังหวะสําคัญ
III. Motivic Development Devices
Motivic Development Devices คือ ชุดอุปกรณ์หรือก็คือเทคนิคในการพัฒนาโมทีฟ ซึ่งโมทีฟในที่นี้ สามารถดึงมาจากโมทีฟของทํานองหลัก หรืออาจสร้างโมทีฟใหม่ขึ้นมาเองก็ได้ แล้วจึงค่อยพัฒนาโมทีฟเหล่านั้นต่อ ซึ่งสามารถพัฒนาทั้งในเชิงของโน้ตทํานองและจังหวะ
ตัวอย่างเทคนิคการพัฒนาโมทีฟจํานวนหนึ่ง (ไม่ใช่ทั้งหมด)
– Repetition
– Transpose
– Fragment
– Sequence
– etc.
ในเวลาที่นักดนตรีแจ๊สโซโล่กันก็จะมีสิ่งต่าง ๆ ที่ผมนำเสนอไปในวันนี้เกิดขึ้นครับ
จะต้องตรงกับอันใดอันหนึ่งไม่มากก็น้อย
แม้วันนี้ผมได้นำเสนอไปในเชิงของแนวคิดดนตรีแจ๊ส แต่จริง ๆ แล้วแนวคิดต่าง ๆ เหล่านี้ไม่ได้จำกัดเฉพาะแค่ในดนตรีแจ๊สหรอกครับ เพียงแต่อาจด้วยความที่ดนตรีแจ๊สเป็นแนวดนตรีที่เน้นนำเสนอการอิมโพรไวส์ สิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในตอนอิมโพรไวส์จึงถูกจำกัดความให้ชัดเจนขึ้น
หลาย ๆ อย่าง ดนตรีแจ๊สก็รับมาจากที่อื่นและนำมาประยุกต์พัฒนาต่อเช่นกัน ผมจึงเชื่อว่าแนวคิดนี้ สามารถนำไปประยุกต์ปรับใช้ได้กับดนตรีหลากแนวครับ
ขอบคุณที่อ่านมาจนจบนะครับ !
ไว้จะทยอยแนะนำเกร็ดอื่น ๆ อีกเรื่อย ๆ ครับ
yo23takahashi
บรรณานุกรม;
ธีรวัฒน์ ตันบุตร. “การวิเคราะห์แนวบรรเลงเดี่ยวดับเบิลเบสของ รูฟัส รีดในบทเพลงบอดีแอนด์โซล.” วารสาร
ดนตรีรังสิต มหาวิทยาลัยรังสิต 13, 1 (2561): 91-104.
ธีรัช เลาห์วีระพานิช. ศิลปะการอิมโพรไวส์ดนตรีแจ๊ส. กรุงเทพฯ: ธนาเพรส, 2563.
Ligon, Bert. Comprehensive Technique for Jazz Musicians. 2nd edition. WI: Houston Publishing,
1999.