ต่อเนื่องจาก ‘ตอนที่ 3 : เปรียบเทียบกระแสอิมเพรสชัน’ ที่ได้วิเคราะห์เปรียบเทียบบทประพันธ์ The Innate กับงานอื่น ๆ ในดนตรีกระแสอิมเพรสชัน วันนี้จะนำบทประพันธ์ The Innate มาวิเคราะห์เปรียบเทียบกับงานประพันธ์ในดนตรีกระแสเอกซเพรสชัน พร้อมกับสรุปการวิเคราะห์ทั้งหมดที่ผ่านมานะครับ
ตอนที่ 4 : เปรียบเทียบกระแสเอกซเพรสชัน และสรุปการวิเคราะห์
ดนตรีกระแสเอกซเพรสชัน
ศิลปะกระแสเอกซเพรซชันมีปฏิกิริยาแย้งกับกระแสอิมเพรสชันที่พยายามแสดงบรรยากาศ ธรรมชาติ ชีวิต อย่างสวยงาม บันทึกความงดงามในชั่วขณะนั้นไว้ โดยกระแสเอกซเพรสชันนั้นจะแสดงความรู้สึกจริง ความเป็นปัจเจกตัวตน ซึ่งรูปแบบกระแสนี้ไม่จําเป็นต้องแสดงภาพหรือชีวิตจริงที่เฉพาะเจาะจงจับต้องได้1 กระแสเอกซเพรสชันจึงเป็นกระแสที่มีการแสดงออกของอารมณ์อันรุนแรง โดยกระแสดนตรีเอกซเพรซชันปรากฏขึ้นในประเทศเยอรมนีและออสเตรีย นักประพันธ์ผู้มีชื่อเสียงในกระแสนี้และมีอิทธิพลต่อดนตรีศตวรรษที่ 20 เป็นอย่างมากคือ อาร์โนลด์ เชินแบร์ก
วิบูลย์ ตระกูลฮุ้นกล่าวเกี่ยวกับลักษณะการประพันธ์ของกระแสดนตรีเอกซเพรสชันไว้ดังนี้
กระแสดนตรีเอกซเพรสชันสามารถแบ่งออกเป็น 2 ช่วงใหญ่ ๆ ตามเทคนิควิธีการประพันธ์ที่สําคัญ คือ ช่วงแรกตั้งแต่ตอนต้นศตวรรษที่ 20 จนถึงต้นทศวรรษที่ 1920 โดยลักษณะดนตรีในช่วงนี้ส่วนใหญ่เป็นดนตรีเอโทนัลแบบอิสระ…เป็นช่วงเริ่มต้นของการค่อย ๆ พัฒนาไปสู่ระบบดนตรีสิบสองเสียง…และช่วงหลังตั้งแต่ประมาณ ค.ศ.1923 ซึ่งเป็นช่วงที่ดนตรีสิบสองเสียงถูกสร้างให้เป็นระบบอย่างสมบูรณ์เพื่อนํามาใช้เป็นพื้นฐานสําหรับวิธีการประพันธ์เพลง2
หากพิจารณาตามรายละเอียดข้างต้น บทประพันธ์ The Innate อาจไม่สามารถเรียกได้ว่าเป็นดนตรีกระแสเอกซเพรสชัน เนื่องจากความอิสระของไอฟส์ยังคงอยู่ในกรอบของดนตรีระบบโทแนลิตีเช่นเดียวกับงานของนักประพันธ์ในกระแสอิมเพรสชันมากกว่า The Innate ยังคงมีความ ชัดเจนถึงการมีอยู่ของศูนย์กลางระดับเสียงแม้เสียงนั้นจะคลุมเครือ จึงไม่ใช่ดนตรีเอโทนัล และไอฟส์ไม่ได้ใช้ระบบแบบดนตรีสิบสองเสียงในบทประพันธ์นี้ เนื่องจากมีการซ้ำโน้ตหลายตัวอย่างเห็นได้ชัด
ถึงกระนั้น หากนับเฉพาะในแง่ของการใช้โน้ตโครมาติกและเสียงกระด้างในการแสดงออกทางอารมณ์อันรุนแรง ก็อาจนับว่า The Innate มีเค้าลางความเป็นเอกซเพรสชันผสมอยู่ได้ ดังที่ วิบูลย์ ตระกูลฮุ้นกล่าวว่า “ดนตรีเอกซเพรสชันเริ่มปรากฏเค้าลางให้เห็นชัดเจนขึ้นตั้งแต่อุปรากร เรื่อง Salome (1905) และ Elektra (1908) ของริชาร์ด ซเตราส์ ซึ่งเป็นบทประพันธ์ที่เต็มไปด้วยโน้ตโครมาติกและเสียงกระด้างอย่างมาก”3 ซึ่งลักษณะอุปรากรดังกล่าวก็เป็นการพรรณนาถึงความรุนแรง แต่ตัวดนตรียังคงอยู่ในกรอบของระบบดนตรีโทนัล
ตัวอย่างที่ 1 โน้ตบทประพันธThe Innate ห้องที่ 5

ข้างต้น (ตัวอย่างที่ 1) คือบริเวณต้นห้องที่ 5 ของบทประพันธ์ The Innate ที่ผู้เขียนได้นํามา วิเคราะห์ในครั้งนี้ โดยห้องดังกล่าวเป็นห้องที่สีสันของบทประพันธ์เริ่มค่อย ๆ เปลี่ยนอย่างชัดเจน ดังที่กล่าวไปตอนวิเคราะห์พื้นผิวบทประพันธ์ ซึ่งผู้เขียนเห็นว่ามีจุดที่น่าสังเกตอยู่หลายข้อ ไม่ว่าจะ เป็นการซ้ำโน้ตและซ้ำโมทีฟ การใช้บันไดเสียงโฮลโทน การดําเนินคอร์ดขนานโดยไม่เกลา เป็นต้น ซึ่งมีสิ่งต่าง ๆ ที่ได้หยิบยกขึ้นมาพิจารณาไปก่อนหน้านี้ค่อนข้างครบและสังเกตได้ง่าย
นอกเหนือจากที่กล่าวในข้างต้น ผู้เขียนได้ค้นพบความน่าสนใจที่สังเกตเห็นหลังจากได้พิจารณาอย่างถี่ถ้วน นั่นคือการใช้เทคนิคผสมบันไดเสียงเข้าด้วยกัน สอดคล้องกับที่ผู้เขียนกล่าวไว้ในบทนําว่าผลงานไอฟส์หลายชิ้นมีการค้นหาแนวทางประพันธ์ใหม่ ๆ เข้ามาใช้ และการผสมบันไดเสียงก็คือหนึ่งในนั้น ซึ่งการผสมบันไดเสียงนี้ก็เป็นอีกปัจจัยที่ทําให้บทประพันธ์ของเขาฟังกระด้าง ดู คลุมเครือและซับซ้อน โดยเมื่อพิจารณาจากตัวอย่างเดียวกันนี้ จะพอสังเกตเห็นได้ว่าในบริเวณนี้มี การผสมบันไดเสียงถึง 3 บันไดเสียงพร้อมกันโดยรวมแนวทํานองของนักร้องด้วย (ตัวอย่างที่ 2)
ตัวอย่างที่ 2 โน้ตบทประพันธThe Innate ห้องที่ 5

A. แนวทํานองร้อง: โมด G ไอโอเนียน (บันไดเสียง G เมเจอร์) หรือโมดอื่นที่สัมพันธ์กับ G ไอโอเนียน
B. แนวทํานองบน: บันไดเสียงโฮลโทน พร้อมโน้ตที่อาจพิจารณาได้ว่าเป็นความสัมพันธ์คู่ 5 เช่น D-G
C. กลุ่มโน้ตที่ประกอบเป็นคอร์ด: บันไดเสียง B♭ เมเจอร์และอาจพิจารณาได้ว่ามีการสลับกับโมด B♭ อื่นด้วยเมื่อดูจากโน้ต ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าไม่มีโน้ตนอกเหนือบันไดเสียงเหล่านี้เลย
ข้างต้นคือรายละเอียดที่พอจะสังเกตเห็นได้ง่ายเท่านั้น ซึ่งนอกเหนือจากที่กล่าวนี้ ยังมีรายละเอียดอื่น ๆ ที่พิจารณาได้ยาก เช่น โน้ตขั้นคู่ที่นํามาประกอบแนวทํานองในแนว B. บริเวณที่ทํากรอบสี่เหลี่ยมเอาไว้ โน้ต E ไม่ใช่สมาชิกในบันไดเสียงโฮลโทนเดียวกันนี้ และโน้ต B ก็ไม่ได้อยู่ในบันไดเสียง B♭ เมเจอร์ในแนว C. หรืออาจต้องมองว่าเป็นส่วนหนึ่งของแนว A. ซึ่งสิ่งเหล่านี้พิจารณาได้ยาก แต่อย่างไรก็ตาม ตัวอย่างนี้ก็พอจะแสดงให้เห็นถึงการซ้อนกันของบันไดเสียงที่ไอฟส์ใช้ได้ดี
บทสรุปสิ่งที่พบจากการวิเคราะห์
จากการวิเคราะห์ที่ผ่านมาทั้งหมด แสดงให้เห็นว่าบทประพันธ์The Innateของชาลส์ ไอฟส์ เป็นบทประพันธ์ที่ยังคงอยู่ในกรอบของระบบดนตรีโทนัล เพียงแต่ใช้วิธีการประพันธ์ที่คล้ายกับรูปแบบการประพันธ์ของกระแสอิมเพรสชันที่หลีกเลี่ยงระบบแบบแผนดั้งเดิมในการจัดการที่มาของ ศูนย์กลางระดับเสียง และในด้านการแสดงออกทางอารมณ์ก็มีเค้าลางความเป็นกระแสเอกซเพรส-ชันผสมผสานอยู่ด้วย ส่วนตัวของชาลส์ ไอฟส์เองก็มีวิธีการประพันธ์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของเขา เช่นกัน โดยที่เห็นได้ชัดคือ การผสมบันไดเสียงมากกว่าหนึ่งบันไดเสียงเข้าด้วยกัน ด้วยทั้งหมดนี้ จึง อาจเรียกได้ว่าThe Innateเป็นลักษณะดนตรีแบบโพสต์โทนัลที่อิงทั้งกระแสอิมเพรสชันและเอกซ-เพรสชัน และอาจเรียกว่าเป็นดนตรีทดลอง (Experimental music) ได้เช่นกัน
.
.
.
ขอบคุณที่ติดตามการวิเคราะห์มาจนจบนะครับ
หวังว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับผู้อ่านในทางใดทางหนึ่งไม่มากก็น้อยนะครับ
ขอบคุณที่อ่านมาจนจบนะครับ!
yo23takahashi
- Margaux Stanitsas, I like art expressionism, (Texas: Xist Publishing, 2018), chap. 8, Kindle.
- วิบูลย์ ตระกูลฮุ้น, ดนตรีศตวรรษที่ 20, (กรุงเทพฯ: สํานักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2558), 95.
- เรื่องเดียวกัน, 95.
บรรณานุกรม (ตั้งแต่ตอนที่ 1-4);
วิบูลย์ ตระกูลฮุ้น. ดนตรีศตวรรษที่ 20. กรุงเทพฯ: สํานักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2558.
____________. ดนตรีศตวรรษที่ 20 : แนวคิดพื้นฐานทฤษฎีเซต. กรุงเทพฯ: สํานักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2559.
____________. “ดนตรีอิมเพรสชั่นนิซึ่ม: โคลด เดอบุสซี่.” วารสารดนตรีรังสิต มหาวิทยาลัยรังสิต 5, 2 (2553): 30-37.
สํานักงานราชบัณฑิตยสภา. พจนานุกรมศัพท์ดนตรีสากล ฉบับราชบัณฑิตยสภา. กรุงเทพฯ: ศรีเมืองการพิมพ์, 2561.
อติภพ ภัทรเดชไพศาล. เสียงของศตวรรษ : สังเขปแนวคิดและเทคนิคของ 10 นักแต่งเพลงสมัยใหม่. นนทบุรี: ภาพพิมพ์, 2560.
A. Durand & Fils. Estampes pour le piano. Paris: Durand & Fils., 1903.
____________. Preludes pour Piano par Claude Debussy. Paris: Durand et Cie, 1910. Bass, Richard. “Model of Octatonic and Whole-Tone Interaction: George Crumb and his predecessors.” Journal of Music Theory 38, 2 (1994): 155-186.
Matthys, Nicole A. “Impressionism: A comparison of the stylistic characteristics of the movement in music and the visual arts.” BA(Hons) diss., Baylor University, 2020.
Miyashita, Makoto. 20 世紀音楽: クラシックの運命. Tokyo: Kobunsha, 2006. Kindle.
Nakano, Kyoko. 印象派で「時代」を読む. 4th edition. Tokyo: NHK Publishing Shinsho, 2015. Kindle.
Redding, Conn.: C. E. Ives. 114 SONGS BY CHARLES E. IVES. Reprinted of 1st Edition. New York: New Music Edition Corporation, 1932.
R.M.V. A. Scriabine Prométhée Le Poème Du Feu. Berlin: Editions Russes de Musique, 1911.
Secor, Tyler Matthew. “Mystic chord and light transformations in Alexander Scriabin’s Prometheus.” Master’s Thesis, University of Oregon, 2013.
Stanitsas, Margaux. I like art expressionism. Texas: Xist Publishing, 2018. Kindle.
1 thought on “บทวิเคราะห์บทประพันธ์ “The Innate” ของชาลส์ ไอฟส์ตอนที่ 4 : เปรียบเทียบกระแสเอกซเพรสชัน และสรุปการวิเคราะห์”
Comments are closed.